Article Old
เกาะลังกาวี เป็นเกาะเล็กๆ อยู่ทางตอนเหนือของประเทศมาเลเซีย เกาะแห่งนี้เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ชาวมาเลเซียก็เพราะตำนานที่เล่าขานกันมา ถึงเจ้าหญิงชายารัชทายาท ซึ่งมีชีวิตอยู่เมื่อ 200 กว่าปีมาแล้วนามว่า
ประวัติ เกาะลังกาวี
เกาะลังกาวี เป็นเกาะเล็กๆ อยู่ทางตอนเหนือของประเทศมาเลเซีย เกาะแห่งนี้เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ชาวมาเลเซียก็เพราะตำนานที่เล่าขานกันมา ถึงเจ้าหญิงชายารัชทายาท ซึ่งมีชีวิตอยู่เมื่อ 200 กว่าปีมาแล้วนามว่า “มัสสุหรี”
ตามตำนานเล่าว่า พระนางมัสสุหรี เป็นหญิงสาวชาวภูเก็ต ที่พระอนุชาขององค์สุลต่านแห่งลังกาวี ทรงเลือกเป็นคู่ครอง เนื่องจากพระนางเป็นหญิงสาวที่มีความเพียบพร้อม ทั้งงานบ้านงานเรือนและความสวยงาม ทั้งๆ ที่ทางราชวงศ์ได้คัดเลือกหญิงสาวชาวลังกาวี หลายคนให้พระอนุชาเลือก แต่ก็ไม่ถูกพระทัย กลับมาสนพระทัยสาวไทยชาวภูเก็ต พระนางมัสสุหรีมาอยู่กับพระอนุชาของสุลต่านในฐานะพระชายาองค์รอง แต่ด้วยเหตุที่พระชายาองค์ใหญ่ ซึ่งมีฐานะเป็นปะไหมสุหรีมีบุตรเป็นหญิงส่วนพระนางมัสสุหรีมีบุตรเป็นชาย ตามกฎของสำนักพระชายาที่มีบุตรเป็นชายจะได้รับตำแหน่งปะไหมสุหรี ทำให้ชาวลังกาวีที่เป็น พระญาติของปะไหมสุหรีองค์เดิมเก็บความอิจฉาไว้ลึกๆ หลังจากนั้นไม่นานก็ได้เกิดสงคราม มีเหตุให้พระอนุชาขององค์สุลต่าน ซึ่งเป็นพระสวามีของพระนางมัสสุหรี ต้องเดินทางออกรบกับกองทัพไทยที่บุกมา ดังนั้นเป็นโอกาสของผู้ที่ปองร้าย ต่างหาเรื่องสร้างสถานการณ์ว่า พระนางมัสสุหรีมีชู้ ทำให้องค์สุลต่าน ตัดสินประหารชีวิตพระนางด้วยกริช
โดยที่พระอนุชาสวามีของนางไม่อาจกลับมาช่วยเหลือได้ทัน ก่อนเสียชีวิตพระนาง อธิษฐานว่า หากนางไม่มีความผิด ขอให้โลหิตที่หลั่งออกมาเป็นสีขาวเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง และขอให้เกาะลังกาวีไร้ความเจริญไป 7 ชั่วคน แต่คมกริชประหารกลับไม่ระคายผิวนางเลย พระนางมัสสุหรีจึงบอกกับเพชฌฆาตให้กลับไปนำกริชพิเศษของต้นตระกูลจากบ้านของนางมา ขณะที่คมกริชจรดลงไปบนคอของนาง โลหิตสีขาวก็พวยพุ่งขึ้นข้างบนราวกับเป็นร่มโดยไม่ตกลงบนพื้นดินเลย
องค์สุลต่านเองก็ช่วยชีวิตพระนางไม่ได้ เพราะพระนางเสียเลือดมากแล้ว ด้านพี่ชายของพระนางมัสสุหรีเกรงว่า หลานชายวัย 5 เดือน ทายาทคนเดียวของมัสสุหรีจะมีภัย จึงนำลงเรือล่องมายังเกาะภูเก็ตและเริ่มตั้งรกรากที่นี่ โอรสของพระนางมัสสุหรีเติบโตขึ้นมีนามว่า โต๊ะวันนับเป็นทายาทรุ่นที่ 1 และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเกาะลังกาวีก็เงียบเหงา ผู้คนอยู่กันอย่างไม่มีความสุขในมนต์ตราแห่งการสาปแช่งมาจนถึง 7 ชั่วคน จนกระทั่งมาถึง น.ส.สิรินทรา ยายี ทายาทรุ่นที่ 7 ของพระนางมัสสุหรี เวลา 200 กว่าปี หรือ 7 ชั่วคนนั้นได้ผ่านไปแล้ว นับจากนี้ไปจะเป็นยุครุ่งโรจน์โชติชัชวาลของลังกาวีอีกครั้งหนึ่ง
พระนางเลือดขาวถือเป็นสัญลักษณ์ทางสังคมและวัฒนธรรม คำว่า “เลือดขาว” นั้นไม่ได้ความหมายว่า นางมีเลือดเป็นสีขาว แต่เลือดขาวนั้นเป็นสัญลักษณ์แทนสตรีผู้บริสุทธิ์ มีความซื่อสัตย์ กตัญญู และเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา จึงเป็นสัญลักษณ์ของคนดีและยังชี้ให้เห็นสภาพทางสังคมและวัฒนธรรมที่มีพุทธศาสนาเป็นพื้นฐาน ยกเว้นตำนานนางเลือดขาว แห่งเกาะลังกาวีที่มีข้อแตกต่างทางศาสนา ตำนานจึงเป็นการสื่อถึงการยกย่องสตรีที่มีความซื่อสัตย์ต่อสามี ข้อหาการคบชู้ของสตรีเป็นสิ่งผิดจารีตประเพณี ผิดศีลธรรมอันดีงาม และเป็นสิ่งที่สังคมรังเกียจอย่างรุนแรง ซึ่งสะท้อนให้เห็นอย่างสอดคล้องกันในตำนานนางเลือดขาวทุกท้องถิ่น ดังตัวอย่างที่ปรากฏในตำนานนางเลือดขาวของพงศาวดารเมืองพัทลุง ซึ่งหลังจากที่พระเจ้ากรุงสุโขทัยทรงโปรดให้พระยาพิษณุโลกกับนางทองจันทร์ พร้อมนางสนมออกมารับนางเลือดขาวที่เมืองนครศรีธรรมราช เพื่อเชิญไปเป็นมเหสีแล้วนั้น เมื่อพระเจ้ากรุงสุโขทัยทรงทราบว่านางมีสามี และมีครรภ์ติดมาจึงไม่ยกขึ้นเป็นมเหสีแต่ได้ทรงขอบุตรของนางเลือดขาวมาชุบเลี้ยงแทน ก็เป็นตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นได้อย่างชัดเจนของค่านิยมในสังคม ที่ให้ความสำคัญแก่ศีลธรรมและจรีตธรรมตามหลักพุทธศาสนาที่ได้ห้ามมิให้ผิดลูกผิดเมียผู้อื่น ดังตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนของค่านิยมในสังคมข้อสังเกตที่น่าสนใจคือ ตำนานนางเลือดขาวในแต่ละท้องถิ่นนี้แม้ว่าจะเป็นเรื่องของนางเลือดขาวก็จริงแต่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน เช่น ตำนานนางเลือดขาวจังหวัดภูเก็ตไม่เหมือน หรือเกี่ยวข้องกับตำนานนางเลือดขาวในอำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช และไม่ได้เกี่ยวข้องกับตำนานนางเลือดขาวจังหวัดพัทลุง และตำนานในจังหวัดชุมพร เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตามมีตำนานนางเลือดขาวบางจังหวัดที่มีลักษณะตำนานบางส่วนคล้ายกัน เช่น ตำนานนางเลือดขาวที่จังหวัดตรังมีบางส่วนเกี่ยวข้องกับตำนานนางเลือดขาวจังหวัดพัทลุง หรือตำนานนางเลือดขาวจังหวัดชุมพรบางส่วนจะเกี่ยวข้องกับตำนานนางเลือดขาว จังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดพัทลุง โดยตำนานนางเลือดขาวที่เมืองตรังนั้นจะกล่าวถึง การที่พระยากุมารกับนางเลือดขาวได้สร้างวัดพระพุทธสิหิงค์ และยังได้จำลองรูปพระพุทธสิหิงค์ไว้ที่วัด 1 องค์ ก่อนเดินทางกลับเจ้าพระยากุมารกับนางเลือดขาวยังได้สร้างพระนอนไว้ที่วัดถ้ำพระพุทธ ตำบลหนองบัว อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง 1 องค์ ก่อนที่จะเดินทางกลับบางแก้ว เมืองพัทลุงภายหลังจากการเดินทางกลับจากเกาะลังกา
เหตุที่เป็นเช่นนี้พอจะสันนิษฐานได้ว่าเป็นเพราะการแพร่กระจายของตำนาน ในดินแดนที่อยู่ใกล้เคียงกันและมีความสัมพันธ์ทางด้านการเมืองการปกครอง และสังคมวัฒนธรรมซึ่งกันและกัน จึงมีการถ่ายเทเรื่องราวจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งพร้อมกับนำเอาบริบทด้านต่างๆ ในท้องถิ่นนั้นเข้ามาผสมผสาน จึงทำให้ตำนานนั้นมีความแตกต่างและเหมือนกันในบางส่วน
ตำนานนางเลือดขาวที่แพร่กระจายอยู่ในภาคใต้ส่วนใหญ่จึงเป็นตำนานที่ยกย่อง สตรีและชี้ให้เห็นบทบาทของสตรีในฐานะผู้นำทางด้านการเมืองการปกครองและการศาสนา โดยเฉพาะในอดีตมีการยกย่องสตรีให้เป็นผู้นำและเป็นที่ยอมรับของสังคมได้นั้น ส่วนใหญ่เป็นผู้เลื่อมใสศรัทธาและจรรโลงพระพุทธศาสนาเป็นสำคัญ เช่น พระนางจามเทวีแห่งหริภุญชัย (ลำพูน) พระนางเหมชาลา-ทนกุมารแห่งนครศรีธรรมราช เป็นต้น นางเลือดขาวหรือเจ้าแม่อยู่หัวเลือดขาวก็เช่นเดียวกันเป็นบุคคลที่เลื่อมใสและช่วยจรรโลงพระพุทธศาสนา โดยการสร้างวัด สร้างพระพุทธรูป และเจดีย์สถานไว้หลายแหล่ง จนเป็นที่ยอมรับของสังคมและได้รับการยกย่องเป็นวีรสตรีทางธรรมหรือทางพุทธศาสนา อันจะเห็นได้จากที่เมื่อนางเลือดขาว เดินทางกลับมายังเมืองพัทลุง โดยขบวนเรือแล่นเข้าทางแม่น้ำปากพนัง หลังจากการเข้าเฝ้าพระเจ้ากรุงสุโขทัยแล้วนั้น นางเลือดขาวได้พำนักอยู่บริเวณบ้านค็องหลายวัน ซึ่งในระหว่างนั้น นางเลือดขาวก็ได้สร้างวัดคลองค็องขึ้น เรียกชื่อว่า “วัดแม่อยู่หัวเลือดขาว” (ตำบลแม่อยู่หัว อำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช) แล้วเดินทางต่อไปจนถึงเมืองพัทลุง โดยหลังจากที่นางเลือดขาวกลับมาจากกรุงสุโขทัยแล้วนั้นคนทั่วไปมักเรียกนางว่า “เจ้าแม่อยู่หัวเลือดขาว” หรือบางครั้งเรียกว่านางพระยาเลือดขาว หรือพระนางเลือดขาว ด้วยเข้าใจผิดว่านางเป็นพระมเหสีของพระเจ้าแผ่นดิน
ความแตกต่างที่สำคัญเกี่ยวกับตำนานพระนางเลือดขาวแห่งเกาะลังกาวีกับตำนาน พระนางเลือดขาวในพื้นที่ภาคใต้คือสารัตถะของตำนานที่สื่อความหมายของ “เลือดขาว” ที่แตกต่างกัน โดยพระนางเลือดขาวในตำนานเล่าขานแห่งเกาะลังกาวีจะสื่อถึงเลือดขาว ในสัญญะของหญิงสาวผู้มีความซื่อสัตย์ต่อชายคนรัก และเป็นหญิงที่บริสุทธิ์ปราศจากมลทิน คำกล่าวหาและคำใส่ร้ายป้ายสีต่างๆ ส่วนตำนานพระนางเลือดขาวในพื้นที่ภาคใต้เป็นสัญลักษณ์ สื่อถึงหญิงสาวผู้มีพลังศรัทธาและมีบทบาทในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้รุ่งเรืองเป็นสำคัญ ทั้งนี้ความแตกต่างที่น่าสนใจอยู่ที่ประเด็นของการหยิบฉวยเอาตำนานพระนางเลือดขาวมาสร้างเป็นสินค้าทางด้านการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมได้อย่างชาญฉลาด โดยท่านมหาเดห์ มูหะหมัด อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้นำคนสำคัญในการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของประเทศมาเลเซียให้เจริญเติบโตก้าวอย่างโดดเด่น ซึ่งท่านได้มีนโยบายพัฒนาเกาะลังกาวีให้เกิดการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีมนต์เสน่ห์โดยการหยิบฉวยเอาตำนานพระนางเลือดขาวมาเป็นหลักชัยในการดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยได้มีการจัดสร้างสถานที่จำลองอันเกี่ยวเนื่องกับตำนานเสมือนหนึ่งเป็นการนำเรื่องเล่าขานในตำนาน มาเชื่อมโยงกับสถานที่เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและศึกษาทางด้านประวัติศาสตร์ โดยบาง สถานที่ได้มีการอ้างอิงทางประวัติศาสตร์ บางสถานที่ก็เป็นการสร้างจำลองเพื่อให้เห็นภาพ เค้าลางตามตำนานบอกเล่า เช่น สถานที่ปักกริชประหารนางมัสสุหรี บ้านจำลองของนางมัสสุหรี เป็นต้น ซึ่งถือเป็นการนำเรื่องเล่าและตำนานมาใช้เป็นเครื่องมือในการส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างรายได้และความร่ำรวยแก่ชาวเกาะลังกาวีอย่างเห็นได้ชัด โดยมีการเชื่อมโยงเอาตำนาน มาอิงกับประวัติศาสตร์ และนำไปสู่การตามหาทายาทของมัสสุหรีรุ่นที่ 7 เพื่อลบคำสาปแห่ง เกาะลังกาวี เกิดการกระพือข่าวและสร้างกระแสความสนใจให้กับผู้คนถึงตำนานเรื่องเล่า ยิ่งทางการมาเลเซียได้ประกาศว่าพบทายาทรุ่นที่ 7 ของพระมัสสุหรี ซึ่งเป็นหญิงสาว ชาวภูเก็ตที่ชื่อ สิรินทรา ยาหยี และมีพิธีกรรมล้างคำสาปจนเป็นที่โจษจัน ส่งผลให้ผู้คนหลั่งไหลสู่เกาะลังกาวีเพื่อไปเยือนถิ่นที่มีตำนานพระนางเลือดขาว จนพลิกฟื้นเศรษฐกิจของ ผู้คนชาวลังกาวีให้มีความมั่งคั่งและคึกคักกลับมาอีกครั้งสอดคล้องตามตำนานพระนางเลือด ขาวแห่งเกาะลังกาวีที่เล่าขานสืบต่อกันมา ซึ่งประเทศไทยยังไม่ประสบความสำเร็จในการหยิบ หยกหรือเชื่อมโยงตำนานสู่การต่อยอดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและสามารถสร้างมูลค่าทาง เศรษฐกิจได้โดดเด่นน้อยกว่าตำนานพระนางเลือดขาวแห่งเกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย
ทั้งนี้ตำนานนางเลือดขาวในพื้นที่ภาคใต้ของไทยจะมีเนื้อหาส่วนหนึ่งอธิบายที่มา ของชื่อบ้านนามเมือง สถานที่ทางศาสนา และสถานที่ทางธรรมชาติ โดยการเชื่อมโยงสถานที่ เหล่านั้นให้เป็นส่วนหนึ่งของตำนานเพื่อสร้างความสำคัญ ความน่าเลื่อมใสศรัทธาและ ความเก่าแก่ของสถานที่นั้นๆ ให้ชุมชนได้มีความสำนึกในความเป็นเจ้าของร่วมกัน จึงทำให้ ชื่อเสียงของตำนานกระจายไปตามท้องถิ่นต่างๆ มากมาย ดังจะเห็นได้จากชื่อสถานที่ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับตำนานนางเลือดขาว เช่น เมืองพระเกิด เมืองพัทลุง เมืองนครศรีธรรมราช วัดพระงาม วัดท้าวโคตร บ้านนาปะขอ บ้านพระเกิด ท่าศพ เป็นต้น โดยจากการเดินทางไป ลังกากับคณะทูตเมืองนครศรีธรรมราชของพระยากุมารกับนางเลือดขาวนั้นได้ทำการสร้างวัด โบสถ์ เจดีย์ พระพุทธรูป และพระบรมสารีริกธาตุไว้ตามสถานที่ต่างๆ ที่เดินทางผ่านไป มากมาย เช่น ได้ทำการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุไว้ที่วัดเขียนบางแก้ว สร้างวัด พระพุทธสิหิงค์ วัดพระงาม วัดถ้ำพระพุทธที่เมืองตรัง สร้างวัดแม่อยู่หัวที่อำเภอเชียรใหญ่ นครศรีธรรมราช สร้างวัดเจ้าแม่ (ชะแม) วัดเจดีย์งาม วัดท่าคุระ ปัจจุบันคือ วัดเจ้าแม่ อยู่ตำบลคลองรี อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา แต่ตำนานดังกล่าวยังไม่มีการเชื่อมโยงและบริหารจัดการให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางด้านประวัติศาสตร์หรือเป็นแหล่งเรียนรู้เชิงประจักษ์ ตามตำนานที่เล่าขานจนเป็นที่น่าสนใจให้ผู้คนไปเรียนรู้และตามรอยตำนานดังกล่าวมากนัก
ดังนั้นตำนานนางเลือดขาวจึงเป็นตำนานทางประวัติศาสตร์ท้องถิ่นที่แพร่กระจาย อยู่ในบริเวณท้องที่จังหวัดพัทลุง นครศรีธรรมราช สงขลา และตรัง ซึ่งได้รวมเอาตำนานที่ อธิบายเกี่ยวกับสถานที่เข้าปะปนเข้าไว้ด้วยกัน จึงดูเป็นเรื่องเกินความจริงยากที่จะเชื่อถือ เป็นข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ได้ แต่อย่างไรก็ตามในสิ่งที่เป็นตำนานนั้นย่อมจะมีข้อเท็จจริง แอบแฝงอยู่ด้วยอย่างแน่นอน โดยตำนานนางเลือดขาวนั้นนอกจากจะเป็นเรื่องราวที่มีอิทธิพล ต่อการสร้างประวัติศาสตร์และโบราณคดีในพื้นที่ต่างๆ ของภาคใต้แล้ว ก็ยังมีอิทธิพลต่อ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี ความเชื่อของชาวใต้อีกด้วย จึงถือได้ว่าเป็นนิทานหรือ ตำนานที่มีความสำคัญ และน่าสนใจอย่างยิ่งต่อการศึกษาประวัติศาสตร์ประเภทตำนานใน ท้องถิ่นภาคใต้ และควรค่าแก่การพัฒนาต่อยอดให้เกิดเป็นเส้นทางการท่องเที่ยว “เยือนแหล่ง ตำนานพระนางเลือดขาวในภาคใต้” ต่อไปซึ่งทุกฝ่ายควรจะตระหนักถึงคุณค่าของทุนทางสังคมและวัฒนธรรมที่มีอยู่ในตำนานพระนางเลือดขาวดังกล่าว และนำไปสู่การพัฒนาต่อยอดด้านการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่สำคัญของภาคใต้ต่อไปในอนาคต เพื่อเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกแก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติในการท่องเที่ยว เพื่อพิสูจน์และตามรอยตำนานพระนางเลือดขาวในภาคใต้ของไทย ซึ่งมีมนต์ขลังและชวนติดตามไม่แพ้ตำนานพระนางเลือดขาวแห่งเกาะลังกาวีแต่ประการใด
แหล่งที่มา
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/cjwu/article/view/95360
ทำงานออฟฟิศก็มีสุขภาพดีได้ง่ายกว่าที่คิด เพียงดูแลพฤติกรรมในชีวิตประจำวันให้ดีขึ้น ด้วย 5 พฤติกรรมถนอมสุขภาพฉบับชาวออฟฟิศ จะมีอะไรบ้าง คลิกดูเลยจ้า
ทำงานออฟฟิศ ก็สุขภาพดีได้ยาวๆ ด้วย 5 พฤติกรรมถนอมสุขภาพ
ทำงานออฟฟิศ ก็สุขภาพดีได้ยาวๆ
ด้วย 5 พฤติกรรมถนอมสุขภาพ
ทำงานออฟฟิศก็มีสุขภาพดีได้ง่ายกว่าที่คิด เพียงดูแลพฤติกรรมในชีวิตประจำวันให้ดีขึ้น ด้วย 5 พฤติกรรมถนอมสุขภาพฉบับชาวออฟฟิศ จะมีอะไรบ้าง คลิกดูเลยจ้า
1. เปลี่ยนท่านั่งบ่อยๆ ถ้านั่งนาน อาจทำให้กล้ามเนื้อกดทับนานเกินไป มาลองเปลี่ยนท่านั่งให้บ่อยยิ่งขึ้นกันดีกว่าจะได้ไม่ปวดหลัง ปวดก้น หรือเกิดอาการชาตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย
2. รับประทานอาหารตรงเวลา และทานอาหารที่มีประโยชน์ ชาวออฟฟิศแบบเราใช้พลังงานจากสมองกันทั้งวัน การรับประทานอาหารให้ตรงเวลา และอาหารที่มีประโยชน์จึงเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วนทำให้สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพตลอดทั้งวัน มื้อเที่ยงนี้มาลองอิ่มอร่อยกับแรปโอ้กะจู๋กัน สลัดแรปบิ๊มโบ้ม ผักแน่นๆ ที่ทั้งอร่อย และดีต่อสุขภาพ
3. คีย์บอร์ดต้องอยู่ระดับข้อศอก การนั่งเป็นเวลานานทำให้ต้องใส่ใจท่านั่งที่ถูกต้อง ตามหลักสรีรศาสตร์เพื่อไม่ให้แขนทิ้งน้ำหนักมากเกินไป คีย์บอร์ดจึงควรปรับให้อยู่ในระดับเดียวกับข้อศอก
4. ยืดเหยียดกล้ามเนื้อทุกชั่วโมง การยืดเส้นยืดสายบ่อยๆ นอกจากจะช่วยให้สดชื่น ร่างกายตื่นตัวแล้ว ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้ดีขึ้นอีกด้วย
5. ไม่อยากตาล้าต้องกะพริบตาบ่อยๆ ชาวออฟฟิศต้องจ้องจอกันทั้งวัน แต่ละวันเราจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์กันเฉลี่ยวันละ 8-12 ชั่วโมง หากใช้สายตาทั้งวันแบบนี้ และไม่กะพริบตาบ่อยๆ เพื่อคงความชุ่มชื้นให้ดวงตา อาจจะทำให้เกิดอาการสายตาแห้ง และแสบตาได้
แหล่งที่มา
ศาสนา หมายถึง ความเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สิ่งเหนือธรรมชาติ ในหลักอภิปรัชญาว่าทุกสรรพสิ่งเกิดขึ้นมาดำรงอยู่และจะเป็นเช่นไรต่อไป มีหลักการ สถาบัน หรือประเพณีที่ปรับที่เคารพโดยทั่วไป แล้วอาจกล่าวได้....
ศาสนาในประเทศไทย
ศาสนาในประเทศไทย
ศาสนา หมายถึง ความเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สิ่งเหนือธรรมชาติ ในหลักอภิปรัชญาว่าทุกสรรพสิ่งเกิดขึ้นมาดำรงอยู่และจะเป็นเช่นไรต่อไป มีหลักการ สถาบัน หรือประเพณีที่ปรับที่เคารพโดยทั่วไป แล้วอาจกล่าวได้ว่า ศาสนาเป็นสิ่งที่ควบคุม และประสานความสัมพันธ์ของมนุษย์ ให้อยู่ร่วมกันได้อย่างปกติสุข คือ ให้มีหลักการ ค่านิยม วัฒนธรรมร่วมกันและวิถีทางที่มนุษย์เลือกใช้ในการดำรงชีวิต ให้สังคมเป็นหนึ่งเดียวกัน มีแนวทางไปในทิศทางเดียวกัน ด้วยหลักจริยธรรม คุณธรรม ศีลธรรมที่เป็นบรรทัดฐานเดียวกัน
สำหรับประเทศไทย ประชาชนมีเสรีภาพในการนับถือศาสนา โดยพระมหากษัตริย์ทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภ์ทุกศาสนา ศาสนาสำคัญ และมีคนนับถือมากที่สุดในประเทศไทย ได้แก่ ศาสนาพุทธ, ศาสนาอิสลาม, ศาสนาคริสต์, ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และศาสนาซิกข์
ศาสนาพุทธ
- นิกายเถรวาท หรือ หินยาน เป็นนิกายเก่าแก่ที่สุด ยึดถือพระธรรมวินัยเดิมอย่างเคร่งครัด คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งคำสั่งสอน และหลักปฏิบัติ จะเป็นไปตามพระไตรปิฎก นับถือเป็นประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศไทย, ประเทศเมียนมาร์, ประเทศกัมพูชา, ประเทศลาว, และประเทศศรีลังกา ส่วนที่นับถือเป็นส่วนน้อยพบทางตอนใต้ของประเทศเวียดนาม (โดยเฉพาะกลุ่มเชื้อสายเขมร), ประเทศบังกลาเทศ (ในกลุ่มชนเผ่าจักมา และคนในสกุลพารัว) และทางตอนบนของประเทศมาเลเซีย (ในหมู่ผู้มีเชื้อสายไทย)
- นิกายมหายาน หรืออาจาริยวาท ภิกษุบางรูปไม่เห็นด้วยและไม่ยอมรับสังคายนามาตั้งแต่ครั้งแรก แพร่หลายในประเทศจีน, ประเทศญี่ปุ่น, ประเทศไต้หวัน, ประเทศเกาหลีเหนือ, ประเทศเกาหลีใต้ และประเทศสิงคโปร์ พบในประชาชนส่วนน้อยในประเทศเนปาล (ซึ่งอาจพบว่านับถือร่วมกับศาสนาอื่นด้วย) ทั้งยังพบในประเทศอินโดนิเซีย, ประเทศมาเลเซีย, ประเทศบรูไน, และประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งส่วนใหญ่มีเชื้อสายจีน
- นิกายวัชระยาน หรือมหายานพิเศษ พบมากในเขตปกครองตนเองทิเบตของประเทศจีน, ประเทศภูฏาน, ประเทศมองโกเลีย และประเทศคัลมึยคียาในรัสเซีย และเป็นประชาชนส่วนน้อยในดินแดนลาดัก รัฐชัมมู และกัษมีร์ ประเทศอินเดีย, ประเทศเนปาล, และประเทศปากีสถาน (ในเขตมัลติสถาน)
ศาสนาอิสลาม
- นิกายสุหนี, นิกายซุนนี หรือนิกายซุนนะห์ เคร่งครัดการปฏิบัติตามคัมภีร์อัลกุรอานและซุนนะห์เท่านั้น และยอมรับผู้นำรุ่นแรก ซึ่งเป็นผู้ใกล้ชิดท่านศาสดามุสลิมส่วนใหญ่ในโลกรวมทั้งประเทศอินโดนีเซีย, ประเทศมาเลเซีย และประเทศไทยนับถือนิกายนี้
- ชีอะห์ แปลว่า พรรคพวก หมายถึง พรรคพวกท่านอาลีนั่นเอง นิกายนี้ถือว่าท่านอาลี บุตรเขยของศาสดามูฮัมหมัด (ซ.ล.) คนเดียวเท่านั้นเป็นผู้ที่ถูกต้อง ผู้ถือนิกายนี้ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศอิหร่าน, ประเทศอิรัก, ประเทศเยเมน, ประเทศอินเดีย, และประเทศในทวีปแอฟริกาด้านตะวันออก
ศาสนาคริสต์
- นิกายโรมันคาทอลิก, คาทอลิก หรือ ครัสตัง นิกายโรมันคาทอลิกเป็นนิกายดั้งเดิมโดยศาสนิกชนที่นับถือศาสนานี้เชื่อว่าหลักธรรมที่ตนนับถือเเละสถาบันที่ตนสังกัดสืบทอดมาจากพระเยซูคริสต์ จึงถือว่านิกายของตนเป็นศูนย์รวมของศาสนาคริสต์ที่มีมาตั้งเเต่เริ่มต้นประมุขของนิกายโรมันคาทอลิกเรียกว่า พระสันตะปาปาประทับอยู่ ณ กรุงวาติกัน เข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา
- นิกายโปรเตสแตนต์ หรือ คริสเตียน โปรเตสเเตนเป็นชื่อรวมของกลุมชาวคริสต์หลายๆกลุ่มเกิดมาจากการที่พระชาวเยอรมัน ชื่อ มาร์ติ ลูเธอร์เห็นว่าศาสนจักรมีความไม่เหมาะสมจึงเเยกออกมาตั้งนิกายใหม่ หลังจากลูเธอร์ตั้งนิกายใหม่ก้มีการรวมตัวในลักษณะเช่นนี้อีกหลายกลุ่มเเละไม่ถือว่าพระสันตปาปาเป็นผู้นําศาสนาของตนเข้ามาในยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์
- ออร์ทอดอกซ์ นิกายออร์ทอด็อกเกิดจากการที่จักรวรรดิโรมันถูกเเบ่งออกเป็น 2 ภาค คือโรมเก่าเเละโรมใหม่โดยโรมใหม่ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่กรุงคอนสเเตนติโนเิปิลได้เเต่งตั้งประมุขทางศาสนาขึ้นมาให้มีอํานาจเสมอกับสังฆราชที่กรุงโรมเก่าเหตุการครั้งนี้สร้างความไม่พอใจให้กับศาสนจักร จนนําไปสุ่การเเตกเเยกเป็น 2 นิกายโดยศาสนิกชนที่กรุงคอนสเเตนติดนเปิลได้ประกาศเเยกตัวตั้งนิกายออร์ทอด็อกขึ้นมาเเต่หลักความเชื่อยังคงคล้ายกับนิกายเดิมอยู่มากส่วนใหญ่อยู่ในประเทศยุโรปตะวันออก
ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เป็นศาสนาที่เก่าที่สุดในชมพูทวีปเป็นพื้นฐานของลัทธิศาสนาต่างๆ ในอินเดีย ศาสนาพราหมณ์ เป็นศาสนาของพวกที่เรียกตัวเองว่า อารยัน หรือ อริยกะ ซึ่งแปลว่า ผู้เจริญเพราะเป็นผุ้ชนะในการทำสงครามกับชาวพื้นเมืองและได้ปกครองชาวพื้นเมืองตลอดมา
- นิกายไศวะ เป็นนิกายที่นับถือบูชาและจงรักภักดีต่อพระศิวะ
- นิกายไวษณพ เป็นนิกายที่นับถือบูชาและจงรักภักดีต่อพระวิษณุ หรือ พระนารายณ์
- นิกายศักติ ลัทธิบูชาเทวี ซึ่งเป็นการบูชาชายาหรือมเหสีของเทพเจ้าทั้ง 3 พระองค์ คือ วดีเทวี พระอุมา พระลักษมี
ศาสนาซิกข์
- นิกายนานักปันถิ หรือนิกายสหัชธรี จะเป็นพวกอนุรักษ์นิยมนับถือคุรุนานัก เน้นหนักไปในทางการดำรงชีวิตแบบเรียบง่ายดำเนินรอยตามหลักคำสอนของศาสดาคุรุนานัก ไม่นิยมการให้ชาวซิกข์มีลักษณะเป็นนักต่อสู้หรือเป็นนักรบ นิกายนี้นิยมโกนหนวดเครา
- ขาลสา หรือ สิงห์นิกาย นับถือเน้นหนักตามคำสอนของศาสดาคุรุโควินทสิงห์ ผู้ชายจะมีลักษณะของนักรบเพื่อปกป้องชาวซิกข์ ผู้ที่นับถือนิกายนี้จะไว้ผมตลอดทั้งหนวดเครายาว โดยไม่ตัดหรือโกนตลอดชีวิต7
- นิลิมเล หรือนิกายอุทสิส โดยพื้นฐานเป็นนิกายสำหรับพวกนักบวช ชาวซิกข์นิกายนี้มักปฏิบัติตามกฎหรือข้อปฏิบัติในรูปแบบการบำเพ็ญพรตของศาสนาฮินดู พุทธศาสนาและเชน พวกเขาจะไม่แต่งงาน และแต่งกายสีเหลือเหมือนจีวรของนักบวชในพุทธศาสนา หรือบางพวกก็เปลือยกายเหมือนนักบวชในศาสนาเชน โดยมีภาชนะสำหรับออกขออาหารเท่านั้นเป็นสมบัติติดตัวนิกายอุทสิสนี้จะไม่เหมือนชาวซิกข์นิกายอื่นๆ เพราะพวกเขามักจะโกนศีรษะและหนวดและนิยมเดินทางออกเผยแพร่ศาสนาไปตามที่ต่างๆ
หมายเหตุ
http://www.thcc.or.th/download/Religiouscode.pdf
http://www.thumboon.com/readarticle.php?article_id=71
https://board.postjung.com/822275
https://dl.parliament.go.th/backoffice/viewer2300/web/previewer.php
https://www.nectec.or.th/schoolnet/library/create-web/10000/sociology/10000-10555.html
https://shantideva.net/2020/12/20/นิกายในศาสนาสิกข์/
โดยทั่วไปแล้ว เราจะรู้จัก I.Q. และ E.Q. กันอยู่แล้ว แต่อยากรู้ว่าถ้าเป็น A.Q. - Z.Q. จะมีความหมายเกี่ยวกับปัญญาเชาว์ว่าอย่างไร ลองดูความหมายกันเลย
I.Q. คือระดับความฉลาด และ E.Q. คือระดับทางอารมณ์ แล้ว A.Q. - Z.Q. มีความหมายหรือไม่
A to Z Quotient ระดับทางปัญญาเชาว์
A.Q.: Adversity Quotient ระดับวิระยะอุตสาหะในการฝ่าฟันอุปสรรคและปัญหาต่างๆ
B.Q.: Balancing Quotient ระดับความสามารถในการจัดสมดุลของสรรพสิ่ง (ทางสายกลาง)
C.Q.: Creativity Quotient ระดับความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
D.Q.: Distinguishability Quotient ระดับความช่างสังเกต และสามารถในการแยกแยะ
E.Q.: Emotional Quotient ระดับทางอารมณ์ (ไม่น่าจะเป็น “ความฉลาดทางอารมณ์”)
F.Q.: Feeling Quotient ระดับความสามารถในการใช้สัมผัสต่างๆ ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
G.Q.: Globalization Quotient ระดับโลกาภิวัตน์ (ทันต่อการเปลี่ยนแปลง รอบรู้ รู้หลายภาษา เป็นต้น)
H.Q.: Health Quotient ระดับสุขภาพ (มีการดูแลรักษาสุขภาพ ทั้งร่างกายและจิตใจได้ด้วยดี)
I.Q.: Intelligence Quotient ระดับความฉลาด (โดยยังไม่มีคุณธรรมกำกับ เก่งอาจไม่ดีก็ได้)
J.Q.: Joking Quotient ระดับอารมณ์ขัน (โดยไม่หงุดหงิดและอารมณ์เสียง่าย)
K.Q.: Knowledge Quotient ระดับความรู้ (ในเรื่องราวต่างๆ)
L.Q.: Leadership Quotient ระดับความสามารถในการเป็นผู้นำ หรือ สภาวะผู้นำ
M.Q.: Moral Quotient ระดับคุณธรรม (ซึ่งรวมไปถึง จริยธรรม และจรรยาบรรณในวิชาชีพ)
N.Q.: Neatness Quotient ระดับความประณีต หรือความเป็นระเบียบเรียบร้อย
O.Q.: Organization Quotient ระดับความสามารถในการจัดองค์กรหรือการเชื่อมโยงสรรพสิ่ง
P.Q.: Perception Quotient ระดับการรับรู้ (รู้ผิด ชอบ ชั่ว ดี ในเรื่องราวต่างๆ ที่ประสบ)
Q.Q.: Questioning Quotient ระดับความสามารถในการตั้งคำถาม (ที่คนไทยยังอ่อนอยู่มาก)
R.Q.: Reasoning Quotient ระดับความมีเหตุผล สามารถใช้เหตุผลได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
S.Q.: Spiritual Quotient ระดับทางจิตวิญญาณ หรือความมีน้ำใจ
T.Q.: Team-working Quotient ระดับความสามารถในการทำงานเป็นทีม
U.Q.: Understanding Quotient ระดับความเข้าใจในสรรพสิ่งได้เป็นอย่างดี
V.Q.: Velocity Quotient ระดับความเร็วในการทำงานหรือทำกิจกรรมต่างๆ
W.Q.: Wisdom Quotient ระดับปัญญา (เป็นความรู้ขั้นสูงเหนือระดับความรู้ทั่วไป)
X.Q.: eXperience Quotient ระดับประสบการณ์ (ในชีวิตที่ได้สะสมมา)
Y.Q.: Youth Quotient ระดับความหนุ่มสาว (ความสามารถในการรักษาความหนุ่มสาว)
Z.Q.: Zooming Quotient ระดับความสามารถในการจับหรือเข้าประเด็นได้อย่างถูกต้องแม่นยำ
สภาพอากาศในช่วงนี้สภาพอากาศร้อน เตือนผู้ปลูกกล้วย รับมือด้วงงวง ได้แก่ ด้วงงวงเจาะเหง้ากล้วย, ด้วงงวงเจาะต้นกล้วย แนวทางป้องกัน/ แก้ไข ได้แก่ รักษาความสะอาดของแปลงปลูก, หน่อกล้วยที่ใช้ปลูกต้องปราศจาก
ระวัง 2 ด้วงงวง ในกล้วย
ระวัง 2 ด้วงงวง ในกล้วย
สภาพอากาศในช่วงนี้สภาพอากาศร้อน เตือนผู้ปลูกกล้วย รับมือด้วงงวง
1. ด้วงงวงเจาะเหง้ากล้วย ตัวหนอนเจาะกัดกินไชชอนอยู่ในเหง้ากล้วย ซึ่งโดยมากกินอยู่ใต้ระดับดินโคนต้น ซึ่งไม่สามารถมองเห็นการทำลายหรือร่องรอยได้ชัด การทำลายของหนอนทำให้ระบบการส่งน้ำ และอาหารจากพื้นดินขึ้นไปเลี้ยงลำต้นขาดตอนชะงักไป เมื่อเป็นมากๆ หรือแม้มีหนอนเพียง 5 ตัวในเหง้าหนึ่งๆ เท่านั้น ก็สามารถไชชอนทำให้กล้วยตายได้ หากมีแมลงติดไปกับหน่อกล้วยที่ปลูกใหม่ก็จะทำให้หน่อใหม่ตายก่อนที่จะให้เครือ
2. ด้วงงวงเจาะต้นกล้วย ตัวเต็มวัยวางไข่ตามบริเวณกาบกล้วย ส่วนของลำต้นที่เหนือพื้นดินขึ้นไปจนถึงประมาณกลางต้น ตัวหนอนค่อยๆ เจาะกัดกินเข้าไปทีละน้อยจนถึงไส้กลางของต้น มองเห็นข้างนอกรอบต้นเป็นรูพรุนทั่วไป ทำให้ต้นกล้วยตาย หากเข้าทำลายในระยะ ใกล้ออกปลีจนถึงตกเครือ จะทำให้เครือหักพับกลางต้น หรือเหี่ยวเฉายืนต้นตาย
แนวทางป้องกัน/ แก้ไข
1. รักษาความสะอาดของแปลงปลูก กำจัดเศษชิ้นส่วนของลำต้นกล้วยที่อยู่ในแปลงปลูก ถ้าเป็นต้นกล้วยที่ตัดเครือแล้วให้ตัดเป็นชิ้นเล็กๆ วางกระจายให้รอยตัดหงายขึ้น เพื่อให้แห้งเร็ว ไม่เป็นที่หลบซ่อนและแหล่งอาหารของตัวเต็มวัย
2. หน่อกล้วยที่ใช้ปลูกต้องปราศจากแมลง การขุดหน่อกล้วยต้องนำออกจากแปลงปลูกในทันที ห้ามทิ้งคาหลุมไว้ หรือทิ้งไว้ในแปลงข้ามคืนเพื่อป้องกันการวางไข่ เมื่อขุดหน่อหรือตัดต้นแล้ว ควรจะใช้ดินกลบด้วยทุกครั้ง เพื่อป้องกันการเข้าวางไข่ในต้นหรือเหง้าเดิมตรงรอบแผล
3.ทำกับดักเพื่อล่อตัวเต็มวัยให้เข้ามาวางไข่ในกับดัก
- ใช้ต้นกล้วยที่ตัดเครือแล้วมาหั่นเป็นท่อนยาว 30 เซนติเมตร แล้วผ่าครึ่งตามยาว
- นำมาวางคว่ำ ให้รอยผ่าหันลงดินบริเวณใกล้โคนต้น
- ว่างท่อนกล้วยกับดักในสวน จำนวน 1 ท่อนต่อระยะห่าง 10 เมตร
- เมื่อแมลงได้กลิ่นจะดึงดูดแมลงเข้ามายังกับดัก ทิ้งไว้ 3-4 วัน หมั่นพลิกกับดักล่อเพื่อจับแมลงตัวน้อยมาทำลาย หรือ (นำออกจำกบริเวณปลูก) และควรเปลี่ยนท่อนกับดักบ่อยๆ เพราะท่อนกล้วยเก่าจะเหี่ยวและมีประสิทธิภาพลดลง
***เทคนิคอีกอย่ำงที่จะใช้ให้ได้ผลดีคือ ใช้เชื้อราเมธาไรเซียม อัตรา 100 กรัม ต่อนำ 20 ลิตร ฉีดลงบริเวณที่วางท่อนกล้วยและบนท่อนกล้วย
4. ใช้สารฆ่าแมลง ฟิโพรนิล 5% เอสซี อัตรา 10 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร ราดโคนต้นกล้วยสูงจากพื้นดิน 30 เซนติเมตร และรอบโคนต้น รัศมี 30 เซนติเมตร โดยรอบ วิธีนี้จะช่วยป้องกันการเข้าวางไข่ของตัวเต็มวัย ขณะเดียวกันจะช่วยกำจัดหนอนและตัวเต็มวัยที่หลบซ่อนโคนต้นกล้วยได้
ขอขอบคุณ
https://www.facebook.com/profile.php?id=100068076707389
http://www.doa.go.th/ard/
เมล็ดพันธุ์ หมายถึง เมล็ดพืชนั้นต้องมีชีวิตอยู่ เมื่อนำไปเพาะปลูกในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการงอกของเมล็ดแล้ว เมล็ดนั้นก็จะงอกเป็นต้นพืชที่สมบูรณ์ในแปลงเพาะปลูกได้
คำแนะนำการปลูกเมล็ดพันธุ์พืช
คำแนะนำการปลูกเมล็ดพันธุ์พืช
ถั่วฝักยาว
- ระยะปลูก: ต้น x แถว = 50 x 75 เซนติเมตร
- วิธีปลูก: หยอด 3-4 เมล็ด/ หลุม, หลักปลูก 1 สัปดาห์ ถอนเหลือ 2 ต้น/ หลุม
- อายุการเก็บเกี่ยว: 40-50 วัน เลือกเก็บฝักที่ยังไม่พองทุก 2-3 วัน เก็บได้นาน 30-45 วัน
รูปที่ 1 ถั่วฝักยาว
ผักบุ้งจีน
- ระยะปลูก: ต้น x แถว = 20 x 20 เซนติเมตร
- วิธีปลูก: หว่านเมล็ด หรือโรยเป็นแถว
- อายุการเก็บเกี่ยว: 20-25 วัน
รูปที่ 2 ผักบุ้งจีน
พริกขี้หนู
- ระยะปลูก: ต้้น x แถว = 50-100 x 75-100 เซ็นติเมตร
- วิธีปลูก: เพาะกล้าอายุ 1 เดือน จึงย้ายปลูกลงแปลง
- อายุการเก็บเกี่ยว: 80-100 วัน หลังย้ายปลูก เก็บเกี่ยวผลสีเขียวและแดง
รูปที่ 3 พริกขี้หนู
มะเขือเทศ
- ระยะปลูก: ต้น x แถว = 50 x 60 เซนติเมตร
- วิธีปลูก: เพาะกล้าอายุ 1 เดือน จึงย้ายปลูกทำค้างหลังปลูก 20-25 วัน
- อายุการเก็บเกี่ยว: 55-60 วันหลังปลูก
รูปที่ 4 มะเขือเทศ
มะละกอ
- ระยะปลูก: ต้น x แถว = 250 x 250, 200 x 250 เซนติเมตร
- วิธีปลูก: เตรียมเมล็ดแช่น้ำ แล้วบ่มไว้ 2 คืน หยอด 3 เมล็ด/ หลุม เมื่อออกดอกให้เหลือเฉพาะต้นกระเทย 1 ต้น/ หลุม
- อายุการเก็บเกี่ยว:
รูปที่ 5 มะละกอ
ถั่วเขียว
- ระยะปลูก: ต้น x แถว = 10 x 50 เซนติเมตร
- วิธีปลูก: หยอด 2-3 เมล็ด/ หลุม ถอนแยกเหลือ 1 ต้น/ หลุม
- อายุการเก็บเกี่ยว: 65 วัน
รูปที่ 6 ถั่วเขียว
มะเขือยาว
- ระยะปลูก: ต้น x แถว = 20 x 20 เซนติเมตร
- วิธีปลูก: หว่านเมล็ดพันธุ์ให้กระจายทั่วแปลง หรือเป็นแถว แล้วถอนแยกเมื่อกล้าอายุได้ 15-20 วัน ให้ถอนกล้าให้เหลือตามระยะปลูก
- อายุการเก็บเกี่ยว: 40-45 วัน เก็บเกี่ยวทั้งต้น
รูปที่ 7 มะเขือยาว
โหระพา
- ระยะปลูก: ต้น x แถว = 20 x 20 เซนติเมตร
- วิธีปลูก: หว่านเมล็ดพันธุ์ให้กระจายทั่วแปลง หรือเพาะกล้าในแปลงเพาะ เมื่อกล้าอายุได้ 20-25 วัน ย้ายปลูกในแปลง
- อายุการเก็บเกี่ยว:
รูปที่ 8 โหระพา
มะเขือเปราะ
- ระยะปลูก: ต้น x แถว = 50 x 80 เซนติเมตร
- วิธีปลูก: เพาะกล้าอายุ 1 เดือน จึงย้ายลูกลงแปลง
- อายุการเก็บเกี่ยว: 60-85 วัน (หลังย้ายปลูก) เก็บผลที่ไม่อ่อนหรือแก่เกินไป
รูปที่ 9 มะเขือเปราะ
ขอขอบคุณ
https://www.facebook.com/profile.php?id=100068076707389
http://www.doa.go.th/ard/
นิยมเรียกสั้นๆ ว่า สหภาพโซเวียต (Soviet Union) หรือ โซเวียต เคยเป็นประเทศขนาดใหญ่ทางตอนเหนือของทวีปยูเรเชีย (ระหว่างทวีปเอเชียและทวีปยุโรป) ก่อตั้งในปี ค.ศ.1922 อยู่มาจนกระทั่งล่มสลายในปี ค.ศ.1991
สหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียต (The Union of Soviet Socialist Republics: USSR)
สหภาพโซเวียต มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า สหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียต เป็นรัฐสังคมนิยมที่ครอบคลุมทวีปยุโรปและเอเชีย ระหว่างปี ค.ศ.1922 ถึง ค.ศ.1991 รัฐบาลและเศรษฐกิจของสหภาพโซเวียตถูกรวมอยู่ในระดับสูง สหภาพโซเวียตเป็นรัฐพรรคการเมืองเดียวซึ่งปกครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์โดยมีกรุงมอสโกเป็นเมืองหลวงของสาธารณรัฐที่ใหญ่ที่สุด สหพันธ์สาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตรัสเซีย มีสถานะที่เท่าเทียมกันในรัฐธรรมนูญเช่นกันกับสาธารณรัฐสหภาพ แต่ในความเป็นจริงเป็นเพียงการปกครองโดยพฤตินัย สหภาพโซเวียตยังเมืองสำคัญอื่นๆ ได้แก่ นครเลนินกราด (รัสเซีย), เคียฟ (ยูเครน), มินสค์ (เบียโลรัสเซีย), ทาชเคนต์ (อุซเบกิสถาน), อัลมา-อะตา (คาซัคสถาน) และโนโวซีบีสค์ (รัสเซีย) สหภาพโซเวียตยังเป็น 1 ใน 5 รัฐที่มีอาวุธนิวเคลียร์อยู่ในครอบครอง, เป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และเป็นสมาชิกขององค์การความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป และเป็นสมาชิกหลักของสภาเพื่อความช่วยเหลือซึ่งกันและกันทางเศรษฐกิจ และ สนธิสัญญาแห่งไมตรี ความร่วมมือ และการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
สหภาพโซเวียตมีรากฐานจากการปฏิวัติเดือนตุลาคมในปี ค.ศ.1917 เมื่อพรรคบอลเชวิค ภายใต้การนำของวลาดีมีร์ เลนิน โค่นล้มรัฐบาลชั่วคราวรัสเซียที่ซึ่งได้เข้ามาแทนที่จักรพรรดินีโคไลที่ 2 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ในปี ค.ศ.1922 สหภาพโซเวียตก่อตั้งขึ้นด้วยการรวมกันของ สาธารณรัฐรัสเซีย, ทรานส์คอเคซัส, ยูเครน และ เบียโลรัสเซีย หลังจากการอสัญกรรมของเลนิน ค.ศ.1924 และการต่อสู้แย่งชิงอำนาจในระยะเวลาสั้นๆ โจเซฟ สตาลินเถลิงอำนาจในกลางคริสต์ทศวรรษ 1920 สตาลินปราบปรามฝ่ายค้านการเมืองต่อเขา ยึดมั่นอุดมการณ์ของรัฐกับลัทธิมากซ์–เลนิน (ซึ่งเขาสร้าง) และริเริ่มเศรษฐกิจที่มีการวางแผนจากส่วนกลาง ผลคือ ประเทศเข้าสู่สมัยการปรับให้เป็นอุตสาหกรรมและการทำให้เป็นระบบรวมอำนาจการผลิต (Collectivisation) ทว่า สตาลินเกิดหวาดระแวงทางการเมือง และเริ่มการกวาดล้างใหญ่ ซึ่งต่อมาทางการส่งคนจำนวนมาก (ผู้นำทหาร สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ พลเมืองสามัญ) ไปค่ายกูลักหรือตัดสินประหารชีวิต
เมื่อเริ่มสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสปฏิเสธพันธมิตรกับสหภาพโซเวียตต่อนาซีเยอรมนี สหภาพโซเวียตลงนามในสนธิสัญญาไม่รุกรานกับเยอรมนี ซึ่งชะลอการเผชิญหน้าระหว่าง 2 ประเทศ แต่ถูกฉีกใน ค.ศ.1941 เมื่อนาซีบุกครอง เปิดฉากเขตสงครามใหญ่สุดและมีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในประวัติศาสตร์ กำลังพลสูญเสียของโซเวียตในสงครามคิดเป็นสัดส่วนมากที่สุดของสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่พลิกกลับมาได้เปรียบเหนือฝ่ายอักษะในยุทธการอันดุเดือดอย่างสตาลินกราด สุดท้ายกำลังโซเวียตยกผ่านยุโรปตะวันออกและยึดกรุงเบอร์ลินใน ค.ศ.1945 ทำให้ฝ่ายเยอรมันสูญเสียกำลังพลไปเป็นส่วนใหญ่ ดินแดนยึดครองของโซเวียตที่พิชิตจากกำลังอักษะในยุโรปกลางและตะวันออกกลายเป็นรัฐบริวารของกลุ่มตะวันออก ความแตกต่างทางอุดมการณ์และการเมืองกับกลุ่มตะวันตกซึ่งมีสหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำนำไปสู่การตั้งสนธิสัญญาทางเศรษฐกิจและทางทหารจนลงเอยด้วยสงครามเย็นอันยืดเยื้อ
หลังสตาลินถึงแก่อสัญกรรมใน ค.ศ.1953 เกิดสมัยการปรับให้เสรี (Liberalization) ทางสังคมและเศรษฐกิจสายกลางภายใต้รัฐบาลนีกีตา ครุชชอฟ จากนั้นสหภาพโซเวียตริเริ่มความสำเร็จทางเทคโนโลยีสำคัญในคริสต์ศตวรรษที่ 20 ซึ่งรวมการปล่อยดาวเทียมดวงแรกและเที่ยวบินอวกาศของมนุษย์เที่ยวแรกของโลก นำไปสู่การแข่งขันอวกาศ (Space Race) วิกฤตการณ์ขีปนาวุธคิวบา ค.ศ.1962 เป็นสมัยความตึงเครียดสุดขีดระหว่าง 2 อภิมหาอำนาจ ถือว่าใกล้ต่อการเผชิญหน้านิวเคลียร์ระหว่างทั้ง 2 ที่สุด ในคริสต์ทศวรรษ 1970 เกิดการผ่อนคลายความสัมพันธ์ แต่กลับมาตึงเครียดอีกครั้งเมื่อสหภาพโซเวียตเริ่มให้ความช่วยเหลือทางทหารในอัฟกานิสถานด้วยคำขอของรัฐบาลสังคมนิยมใหม่ใน ค.ศ.1979 การทัพนั้นผลาญทรัพยากรธรรมชาติและลากยาวโดยไร้ผลลัพธ์ทางการเมืองที่มีความหมายใดๆ
ในปลายคริสต์ทศวรรษ 1980 ผู้นำโซเวียตคนสุดท้าย มีฮาอิล กอร์บาชอฟ มุ่งปฏิรูปสหภาพและขับเคลื่อนประเทศในทิศทางสังคมประชาธิปไตยแบบนอร์ดิก เริ่มใช้นโยบายกลัสนอสต์และเปเรสตรอยคาในความพยายามยุติสมัยเศรษฐกิจชะงักและปรับการปกครองให้เป็นประชาธิปไตย ทว่าผลที่ได้นำไปสู่ขบวนการชาตินิยมและพยายามแยกตัวออกจากสหภาพโซเวียตอย่างเข้มข้น ทางการกลางริเริ่มการลงประชามติซึ่งถูกสาธารณรัฐบอลติก อาร์มีเนีย จอร์เจีย และมอลโดวาคว่ำบาตร ซึ่งพลเมืองที่ลงมติส่วนใหญ่ออกเสียงเห็นชอบการรักษาสหภาพเป็นสหพันธรัฐทำใหม่ ในเดือนสิงหาคม ค.ศ.1991 สายแข็ง (Hardliner) พยายามรัฐประหารต่อกอร์บาชอฟ โดยเจตนาย้อนนโยบายของเขาแต่รัฐประหารล้มเหลว ประธานาธิบดีรัสเซีย บอริส เยลต์ซิน มีบทบาทเด่นในการทำให้ผู้ก่อรัฐประหารยอมจำนน ส่งผลให้มีการห้ามพรรคคอมมิวนิสต์ ในวันที่ 25 ธันวาคม ค.ศ.1991 กอร์บาชอฟลาออกและสาธารณรัฐองค์ประกอบที่เหลือ 12 สาธารณรัฐกำเนิดขึ้นจากการยุบสหภาพโซเวียตเป็นรัฐเอกราชหลังโซเวียต สหพันธรัฐรัสเซีย สืบสิทธิและข้อผูกพันของสหภาพโซเวียตและได้รับการยอมรับเป็นนิติบุคคลต่อ
สาธารณรัฐต่างๆ แบ่งแยกตั้งเป็นประเทศทั้งหมด 15 ประเทศ
1. ประเทศเอสโตเนีย (Estonia)
2. ประเทศลัตเวีย (Latvia)
3. ประเทศลิทัวเนีย (Lithuania)
4. ประเทศเบลารุส (Belarus)
5. ประเทศยูเครน (Ukraine)
6. ประเทศรัสเซีย (Russia)
7. ประเทศอาร์เมเนีย (Armenia)
8. ประเทศอาเซอร์ไบจาน (Azerbaijan)
9. ประเทศคาซัคสถาน (Kazakhstan)
10. ประเทศคีร์กีซสถาน (Kyrgyzstan)
11. ประเทศมอลโดวา (Moldova)
12. ประเทศทาจิกิสถาน (Tajikistan)
13. ประเทศเติร์กเมนิสถาน (Turkmenistan)
14. ประเทศอุซเบกิสถาน (Uzbekistan)
15. ประเทศจอร์เจีย (Georgia)
ปีใหม่นี้ทั้งเดินทางและท่องเที่ยวมีเบอร์ฉุกเฉินไว้ อุ่นใจ ขอให้ฉลองปีใหม่กันอย่างมีสติ ใครที่ต้องเดินทางก็ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ ขับขี่อย่างปลอดภัย ใส่ใจเพื่อนร่วมทาง และที่สำคัญเมาไม่ขับ
เหตุด่วนฉุดใจ เซฟไว้ใช้ยามฉุกเฉิน
ขอขอบคุณ
https://www.facebook.com/Thairealtvhd
http://www.thairealtv.com/
โรคฉี่หนู (Leptospirosis: เลปโตสไปโรสิส) เกิดจากเชื้อแบคทีเรียในฉี่ของหนู โค กระบือ สุกร สุนัข ที่ปนเปื้อนในน้ำเข้าสู่ร่างกายจากการกินอาหาร น้ำดื่ม และรอยแผลตาตามผิวหนัง
โรคเลปโตสไปโรสิสและโรคเมลิออย โดสิส
อาการปวดท้องในเด็กมีความแตกต่างจากผู้ใหญ่อยู่บ้าง ควรสังเกตว่าปวดท้องแบบไหนที่อันตรายถึงชีวิต ซึ่งควรได้รับการรักษาที่ถูกต้องอย่างรีบด่วน
อาการปวดท้องในเด็ก ปวดแบบไหนบอกโรคอะไร
อาการปวดท้องในเด็กมีความแตกต่างจากผู้ใหญ่อยู่บ้าง ควรสังเกตว่าปวดท้องแบบไหนที่อันตรายถึงชีวิต ซึ่งควรได้รับการรักษาที่ถูกต้องอย่างรีบด่วน ได้แก่
1. ท้องผูก กดเจ็ดท้องส่วนล่างอาจคลำพบก้อนอุจจาระบริเวณท้องน้อยด้านซ้าย
2. ท้องเสีย มีอาการถ่ายเหลวร่วมด้วย
3. โรคกระเพาะ มักมีอาการเมื่อใกล้เวลาอาหาร
4. มีลมในช่องท้องมาก มีอาการท้องอืดจุกเสียดร่วมด้วย
5. ความเครียด พบในเด็กอายุ 5-13 ปี ซึ่งมักมีปัญหาจากทางบ้านหรือโรงเรียน
6. ไส้ติ่งอักเสบ (อันตรายถึงชีวิต) พบในเด็กอายุมากกว่า 2 ปี มีอาการปวดรุนแรง อาเจียน ไข้สูง และกดเจ็บบริเวณท้องน้อยด้านขวา
การปฐมพยาบาลเบื้องต้น
หากอาการปวดท้องไม่มาก สามารถใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการเบื้องต้น โดยให้ทานตามปริมาณที่ฉลากแนะนำ อย่างไรก็ตาม การใช้ยาต้องควบคู่กับการให้คำแนะนำเรื่องการปรับพฤติกรรมการกิน การดูแลตัวเองเมื่ออาการกำเริบเพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำและอาการรุนแรงขึ้น เน้นให้เด็กคิดถึงผลเสียด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ เวลาเรียน และผลการเรียน ถ้าไม่ปรับพฤติกรรมอย่างจริงจังจะส่งผลเสียต่อตัวเองในอนาคต แต่หากมีไข้สูงร่วมด้วย และกดเจ็บบริเวณท้องน้อยด้านขวา ควรส่งต่อสถานพยาบาลใกล้บ้าน ห้ามใช้ยาแก้ปวดเด็ดขาด
ข้อมูลโดย
อ.พญ.สุธาทิพย์ เอมเปรมศิลป์
สาขาวิชาเวชศาสตร์ผู้ป่วยนอกเด็กและวัยรุ่น
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล
www.rama.mahidol.ac.th